มะเร็งปอด เป็นมะเร็งที่พบเป็นอันดับ 2 ในเพศชาย และพบเป็นอันดับ 4 ในเพศหญิง (จากข้อมูลปี 2563)
หลายคนที่เป็นมะเร็งปอดกว่าจะตรวจพบก็อยู่ในระยะที่ 3 หรือ ระยะที่ 4 แล้ว ซ้ำร้ายกว่านั้น มะเร็งได้แพร่กระจายไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย สร้างความวิตกกังวลให้กับผู้ป่วย และคนใกล้ชิดอยู่ไม่น้อย ซึ่งในกรณีหลังโอกาสมีชีวิตรอดเหลือน้อยเต็มที
คุณหมอท่านนี้เป็นแพทย์แผนปัจจุบัน ตรวจพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งปอด ได้รับการวินิจฉัยจากโรงพยาบาลศิริราช เมื่อปี 2546 ว่าเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย สามารถมีชีวิตอีก 3 เดือน เพราะนอกจากเป็นมะเร็งที่ปอดแล้ว ยังลุกลามไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนี้
ทางโรงพยาบาลศิริราชแจ้งว่าต้องรอคิวรับเคมีบำบัดอีก 2 เดือน ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ถือว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายของชีวิตเลยทีเดียว เพราะมีเวลาชีวิตเหลืออีกแค่ 3 เดือน ขณะนั้นคุณหมออายุเพียง 54 ปี (2546)
คุณหมอได้รับคำบอกกล่าวจากน้องสาวอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นมะเร็งปากมดลูก ระยะ 3 ไป 4 ไม่ผ่าตัด ไม่ฉายแสง ไม่ใช้เคมีบำบัด และก็ยังอยู่รอดมาได้ โดยใช้การบำบัดรักษาตามแนวทางของเกอร์สัน
ซึ่งเป็นเหมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เพราะอาจารย์หมอที่ศิริราชบอกว่าจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 3 เดือน เท่านั้น โดยคุณหมอได้เริ่มทำการบำบัดตามแนวทางดังกล่าวทันที ดังนี้
2 เดือนต่อมาพบว่าก้อนมะเร็งลดลง 20% ยิ่งทำให้มั่นใจว่าเดินมาถูกทางแล้ว หลังจากนั้นเข้ารับเคมีบำบัด ระยะเวลา 9-10 เดือน ก็ยังพบก้อนมะเร็งไม่ได้ยุบหายไปทั้งหมด
ในช่วงระยะเวลา 18 เดือนแรก หลังจากตรวจพบมะเร็งปอด คุณหมอดื่มน้ำแยกกากจากผักผลไม้อย่างเดียวไม่ดื่มน้ำเปล่า และในเดือนที่ 18 ก้อนมะเร็งก็ยุบทั้งหมด ด้วยแนวทางการรักษาแบบผสมผสานดังกล่าวทำให้คุณหมอมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบัน ปี 2566 อายุ 74 ปี นับเป็นตัวอย่าง และเป็นความหวังของผู้ป่วยมะเร็งทุกระยะ โดยเฉพาะมะเร็งระยะสุดท้ายที่หมดหนทางรักษา สามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้ได้
ขอขอบคุณ
: ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะแพทย์ศาตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ลิงค์ช่อง UCQyJCWLZrtNPsdEjtpeGMBQ
ติดต่อเรา
Facebook : Juicer Club
Line : @juicerclub
Phone : 02-454-1465