เคล็ด(ไม่ลับ)ในการเลือกซื้อเครื่องสกัดน้ำผลไม้

เคล็ด(ไม่ลับ) ในการเลือกซื้อเครื่องสกัดน้ำผลไม้

การดูแลรักษาสุขภาพไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่เหมาะสม มีคุณค่าทางโภชนาการ หรือการดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย และการเลือกเครื่องดื่มที่มีคุณประโยชน์มากมายแก่ร่างกาย ทำให้กระแสการทำ “น้ำผลไม้สกัดเย็น” ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น แต่การที่เรานั้นจะต้องออกไปซื้อเครื่องดื่มสกัดผลไม้ในทุกมื้ออาหารก็อาจทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูง เราจึงหันมามองหาเครื่องสกัดน้ำผลไม้ ไว้ติดบ้านเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แต่เอ๊ะ!! เราจะเลือกซื้อเครื่องสกัดน้ำผลไม้ยังไงดีล่ะ ให้เหมาะสมกับความต้องการ วันนี้ขอแชร์เคล็ด(ไม่ลับ)ในการเลือกซื้อเครื่องสกัดน้ำผลไม้มาฝากกัน

5 ข้อที่ควรคำนึงถึงในการเลือกซื้อเครื่องสกัดน้ำผลไม้

5 ข้อที่ควรคำนึงถึงในการเลือกซื้อเครื่องสกัดน้ำผลไม้

1. เป้าหมายในการซื้อเครื่องสกัดน้ำผลไม้?

เป็นสิ่งแรกที่เราต้องชัดเจนก่อน เพราะถ้าเราไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนจะเกิดปัญหาตามมาจากการใช้เครื่องสกัดน้ำผลไม้ ก่อนอื่นเราต้องทราบก่อนว่าเราซื้อเครื่องมาเพื่อใช้ทำทานในบ้าน หรือ ใช้ทำขาย เพราะการออกแบบ และระยะเวลาในการทำงาน ไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นเครื่องใช้ทำทานในบ้าน ระยะเวลาการทำงานต่อเนื่องได้เพียง 30 นาที ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว เพราะเมื่อครบกำหนดเวลามอเตอร์จะตัดการทำงานโดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันมอเตอร์ไหม้ และในระหว่างที่เครื่องตัดการทำงานเราจะไม่สามารถเปิดเครื่องให้ทำงานต่อได้ จะต้องรอให้มอเตอร์ของเครื่องเย็นลง ซึ่งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 40 – 60 นาที เลยทีเดียว เครื่องสกัดน้ำผลไม้ที่ออกแบบมาเพื่อทำขาย หรือใช้ในเชิงพาณิชย์ จะต้องทำงานต่อเนื่องได้อย่างน้อย 60 นาที บางรุ่นทำงานต่อเนื่องได้ถึง 4-8ชั่วโมงเลยทีเดียวซึ่งจะตอบโจทย์การใช้งานมากกว่าทั้งใช้ในบ้าน และ ทำขาย

2. ใครเป็นผู้ที่ดื่มน้ำผักผลไม้สกัด?



ในการใช้เครื่องสกัดน้ำผลไม้ความสามารถของเครื่องแต่ละประเภท มีข้อจำกัดในการสกัดผักผลไม้ที่ไม่เหมือนกัน ถ้าเราต้องการใช้เครื่องสกัดน้ำผลไม้สำหรับ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยมะเร็ง หรือ สำหรับสายรักสุขภาพแบบฮาร์ดคอร์ ก็จะได้เครื่องอีกแบบหนึ่ง สำหรับผู้ที่รักสุขภาพทั่ว ๆ ไป หนุ่มสาว วัยรุ่น เด็ก ก็จะได้เครื่องอีกแบบหนึ่ง ซึ่งจะกล่าวในหัวข้อต่อไป

3.วัสดุที่นำมาผลิตเครื่องสกัดน้ำผลไม้



เครื่องสกัดน้ำผลไม้ส่วนใหญ่จะทำด้วยพลาสติก สิ่งที่สำคัญคือควรเลือกชนิดที่ปลอดสารก่อมะเร็ง เรียกว่าเกรด BPA FREE หรือที่ดีกว่านั้นคือทำด้วยสแตนแลส มีความคงทนกว่า แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงขึ้น แต่อย่างน้อยถ้าเป็นพลาสติกต้องเกรด BPA FREE 4.แบ่งตามประเภทและลักษณะการทำงาน การเลือกเครื่องก็ควรเลือกไปใช้ให้เหมาะสมกับการใช้งานของเรา โดยเครื่องสกัดน้ำผลไม้แบ่งได้ 2 ประเภทใหญ่หลักๆดังนี้

1. ชนิดแรงเหวี่ยงรอบสูงด้วยใบมีด



เป็นเครื่องที่น้ำในผลไม้และผักจะถูกสกัดออกมาด้วยการสับผักผลไม้ให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ด้วยใบมีดหนามเตยจำนวนมาก แล้วใช้แรงเหวี่ยงด้วยรอบสูง ประมาณ 3-6 พันรอบ/นาที ส่วนที่เป็นน้ำผลไม้ก็จะแยกผ่านตะกร้าคั้น ส่วนที่เป็นกากเมื่อถูกเหวี่ยงเอาน้ำออกไปก็จะมีน้ำหนักเบาจะลอยตัวขึ้นและถูกแรงเหวี่ยงสะบัดออกมาทางช่องกาก ข้อดีของเครื่องสกัดน้ำผลไม้ประเภทนี้คือสามารถหาซื้อได้ง่าย มีจำหน่ายแพร่หลายในท้องตลาด ราคามีตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่น และใช้เวลาสกัดน้ำผักและผลไม้ไม่นาน แต่ก็มี ข้อเสียตรงที่ มอเตอร์อาจจะเสียงดังรบกวน ไม่ทนทาน แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือ สูญเสียคุณค่าทางอาหารเพราะความร้อนและการเสียดสีทำให้น้ำผักและผลไม้มีคุณภาพลดลงได้ปริมาณน้ำผลไม้และน้ำผักน้อยกว่าเครื่องสกัดเย็นความเร็วรอบต่ำ และสกัดได้ดีเฉพาะผักผลไม้ที่เนื้อแข็ง ๆ แน่น ๆ เช่น แครอท แอปเปิ้ล เป็นต้น ถ้าเป็นผักใบประเภท บัวบก จะสกัดไม่ได้น้ำเลย หรือ ได้น้อยมาก ๆ

2. ชนิดรอบต่ำสกัดเย็น เครื่องสกัดน้ำผลไม้ด้วยระบบเกลียว



เกิดปฎิกิริยา Oxidation น้อย เนื่องจากใช้วิธีสกัดเย็นโดยใช้เกลียวบดผักผลไม้ให้แหลกละเอียดแล้วเกลียวจะนำพาผักผลไม้เข้าสู่ห้องคั้นบีบเอาน้ำผักผลไม้ออกมาด้วยรอบต่ำ ๆ เป็นวิธีที่นุ่มนวล แยกกากไปทาง น้ำไปทาง กากที่แยกออกมามีลักษณะแห้งกว่าชนิดแรงเหวี่ยงรอบสูง สามารถสกัดผักผลไม้ได้หลากหลายกว่า ผักใบก็สามารถสกัดน้ำออกมาได้ดี เราสามารถแบ่งเครื่องประเภทนี้ ได้ ดังนี้

แบบเกลียวเดี่ยว แนวนอน



- แบบเกลียวเดี่ยว แนวนอน มีฐานกว้าง ใช้พื้นที่ในการจัดวางและใช้งานมากกว่าแบบเกลียวเดี่ยวแนวตั้ง เหมาะสำหรับผักผลไม้ที่มีเนื้อแข็งปานกลาง จนถึงเนื้อแข็ง เช่น แอปเปิ้ล แครอท บีทรูท และที่มีเส้นใยเหนียวและไม่เหนียว เช่น ผักทั่ว ๆ ไป ต้นอ่อนข้าวสาลี เซเลอรี่ ใบบัวบก รวมถึงสมุนไพรต่าง ๆ เช่น ขิง กระชาย เป็นต้น ระบบนี้เหมาะสำหรับ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยมะเร็ง หรือ สำหรับสายรักสุขภาพแบบฮาร์ดคอร์ ที่ต้องการเน้นผักใบ และสุมนไพรเป็นหลัก ผลไม้เป็นรอง

แบบเกลียวเดี่ยว แนวตั้ง



- แบบเกลียวเดี่ยว แนวตั้ง มีรูปทรงสูง ประหยัดพื้นที่ในการจัดวาง หลักการทำงานเหมือนกับแบบเกลียวเดี่ยวแนวนอน แต่ลักษณะของเกลียวจัดวางอยู่ในแนวตั้ง เหมาะสำหรับผักผลไม้ที่เนื้อแข็งปานกลางจนถึงเนื้อแข็ง แต่มีข้อแม้ว่าต้องเส้นใยไม่เหนียวมาก เช่น แตงโม มะเขือเทศ แครอท แอปเปิ้ล ผักสลัด จึงเหมาะสำหรับผู้ที่รักสุขภาพทั่ว ๆ ไป หนุ่มสาว วัยรุ่น เด็ก

แบบเกลียวคู่



-แบบเกลียวคู่ ตัวเครื่องมีฐานกว้าง หลักกาการทำงานเหมือนกับแบบเกลียวเดี่ยวแนวนอนแต่มีเกลียวถึง 2 เกลียว ความยาวของเกลียวมีมากกว่าทั้ง 2 แบบที่กล่าวมา ทำให้มีประสิทธิภาพในการบดคั้นมากกว่าชนิดอื่นๆ เหมาะสำหรับสกัดน้ำผักผลไม้เนื้องแข็งปานกลางจนถึงเนื้อแข็ง โดยเฉพาะผักต่าง ๆ ที่มีเส้นใยเหนียวและไม่เหนียวสกัดได้ดีมาก ให้คุณภาพน้ำผักผลไม้ดีที่สุด กากแห้งที่สุด กากผสมอยู่ในน้ำน้อยที่สุด เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ผู้สูงอายุ หรือ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน ด้วยความรวดเร็ว แต่ก็มีราคาค่อนข้างสูง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำผักผลไม้ที่สกัดได้ในแต่ละครั้ง ถ้าในระยะยาวก็ถือว่าคุ้มค่ามากทีเดียว

5. การบริการ ก่อนการขาย และ หลังการขาย



บริการก่อนการขาย สามารถให้คำแนะนำเครื่องสกัดน้ำผลไม้ได้ตรงกับความต้องการใช้ของลูกค้า สามารถตอบปัญหาต่าง ๆ ที่ลูกค้าสงสัยได้ บริการหลังการขาย สามารถให้คำปรึกษาการใช้งานได้ กรณีเครื่องมีปัญหาสามารถติดต่อได้ง่าย มีหน้าร้านชัดเจน สามารถนำเครื่องมาซ่อม-เคลม ได้ด้วยตนเอง ส่งมาทางขนส่ง หรือ ให้ทางร้านส่งพนักงานไปรับเครื่องมาตรวจเช็ค (เฉพาะ กทม.) มีสต๊อกอะไหล่พร้อม และ ช่างซ่อม บริการครบวงจร ขาย ซ่อม เคลม และอะไหล่ จบในที่เดียว

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับเคล็ด(ไม่ลับ)ในการเลือกซื้อเครื่องสกัดน้ำผลไม้ แถมยังได้รู้จักประเภทรวมถึงข้อดีข้อเสียต่างๆเพิ่มเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาและตัดสินใจเลือกซื้อ โดยเครื่องสกัดน้ำผลไม้ที่ดีต้องรักษาคุณค่าของผักและผลไม้ไว้ให้ได้มากที่สุดนะคะ หากท่านไหนที่สนใจอยากมีเครื่องสกัดน้ำผลไม้ไว้ใช้ทำเองภายในบ้าน แต่ยังไม่มีข้อมูลมากพอ สามารถเข้าไปสอบถามหรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.juicerclub.co.th เราสามารถช่วยท่านเลือกที่ตรงใจและเหมาะสมกับการใช้งานได้แน่นอนค่ะ

ติดต่อเรา
Facebook : Juicer Club
Line : @juicerclub
Phone : 02-454-1465

JUICERCLUB JUICERCLUB 02-454-1465 Juicerclub@gmail.com